News Sport Betting

‘แมนยู’ ไม่ต้องการ ‘แฟร์นันด์ส’ จริงๆหรือ?

ตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมากระแสข่าวมันไหลไปในทิศทางว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางคนเก่งของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน จะย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่นอน หลังจากทีมอื่นๆ ที่เคยให้ความสนใจในตัวแข้งวัย 24 ปี อย่างเช่น ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ยูเวนตุส และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เลิกให้ความสนใจในตัวเขาแล้ว
ทั้งนี้ แฟร์นันด์ส เหมือนจะตอกย้ำว่าเขามีดีพอที่จะช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ หลังจากที่ทำไป 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ จนช่วยให้ สปอร์ติ้ง เสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 ในเกมอุ่นเครื่องที่ประเทศสหรัฐเมริกา เมื่อวันพุธที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และทำให้เหล่า “เร้ด อาร์มี่” พยายามกระตุ้นให้ทีมรักของพวกเขารีบปิดดีลกับแข้งชาวโปรตุกีสโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้นสถานการณ์มันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อ สกายสปอร์ตส์ สื่อที่มีความน่าเชื่อถือสูงของเกาะอังกฤษเผยว่า แฟร์นันด์ส ไม่น่าจะได้ย้ายไปซบ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ เพราะฝั่งทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่ได้ถึงขั้นกาหัวเขาเป็นหนึ่งในเป้าหมายการเสริมทัพตัวหลัก แค่สนใจจนส่งแมวมองไปดูฟอร์มเท่านั้น แถมข่าวลือก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ก็มีต้นตอมาจากสื่อของฝั่งโปรตุเกส ไม่ใช่ของทางเมืองแมนเชสเตอร์ด้วย

แน่นอนว่าข่าวดังกล่าวทำให้แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ก่อนหน้านี้ตั้งตารอดู แฟร์นันด์ส ในสีเสื้อของทีมรักอย่างใจจดใจจ่อต้องฝันสลายกันเป็นแถบๆ จนทำให้เกิดการตั้งประเด็นตามมาว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่จำเป็นต้องได้นักเตะระดับ แฟร์นันด์ส มาร่วมทีมจริงๆ งั้นหรือ ?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจถึงตัว แฟร์นันด์ส กันก่อน โดยดาวเตะชาวโปรตุกีสมีบทบาทหลักๆ เป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งเขาก็มีความสามารถทั้งการยิงเอง, การผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีม และการพาบอลขึ้นไปข้างหน้าที่ดี การทำได้ 32 ประตู กับอีก 18 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 53 นัดในทุกรายการของฤดูกาลก่อนเป็นเครื่องยืนยันถึงฝีเท้าของเขาได้ดีในระดับหนึ่ง

“กองกลางตัวรุก” คือหนึ่งในตำแหน่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีคุณภาพสู้ทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆ ไม่ได้

ผลงานของ ปอล ป็อกบา ที่ทำไป 16 ประตู กับอีก 11 แอสซิสต์จากการลงเล่นในทุกรายการประจำซีซั่น 2018-19 อาจจะทำให้เขาดูเหมือนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก แต่อย่าลืมว่าที่จริงแล้วตำแหน่งที่ดาวเตะชาวฝรั่งเศสถนัดมากที่สุดคือมิดฟิลด์ตัวกลางที่คอยคุมจังหวะเกม และการรับบทบาทแบบตัวห้องเครื่องมากกว่า ซึ่งซีซั่นที่แล้วเขาก็ออกสตาร์ตในลีกด้วยการเป็นกองกลางตัวรุกไปเพียงราว 11 นัด จากการลเล่นในลีก 35 เกม

นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เป็นกองกลางตัวรุกตามธรรมชาติจริงๆ ในตอนนี้คือ ฆวน มาต้า, อันเดรียส เปเรยร่า และ อังเคล โกเมส ซึ่งรายของ มาต้า ถือว่าฟอร์มไม่ได้ดีแบบคงเส้นคงวาเท่าที่ควรเมื่อฤดูกาลก่อน ส่วน เปเรยร่า ซีซั่นที่แล้วก็ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากเท่าไหร่ ขณะที่ โกเมส ยังเป็นเพียงดาวรุ่งเท่านั้น

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การได้ แฟร์นันด์ส มาร่วมทีม จึงจะสามารถตอบโจทย์ในตำแหน่ง “กองกลางตัวรุก” ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี เขาเองควรจะเป็นนักเตะกลุ่มที่ แมนฯ ยูไนเต็ด “ต้องซื้อให้ได้” เหมือนอย่างรายของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยซ้ำ

ในทางกลับกัน ถ้าเกิดสมมุติ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ แฟร์นันด์ส มันจะส่งผลกระทบกับทีมมากแค่ไหน ?

อันดับแรกเลยคงต้องดูก่อนว่า ป็อกบา จะย้ายทีมรึเปล่า โอเคว่าถ้าไม่ได้ แฟร์นันด์ส แต่รั้ง ป็อกบา เอาไว้ได้ มันก็อาจจะไม่ส่งผลเสียอะไรมากนัก เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าดาวเตะเลือดน้ำหอมพอจะถูกดันให้ไปรับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกได้ และถ้าวันไหนองค์ลงแล้วนั้น เขาก็จะโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมสุดๆ จนคู่ควรกับการเป็นนักเตะระดับโลก

ปัญหาก็คือจนถึงตอนนี้กระแสข่าวการย้ายทีมของ ป็อกบา ก็ยังมีออกมาเรื่อยๆ และต่อให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะขายอดีตแข้ง ยูเวนตุส แล้วเอา เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช มาจาก ลาซิโอ จริง มันก็ไม่สามารถตอบโจทย์ด้านตำแหน่งกองกลางตัวรุกได้ เพราะ มิลินโควิช-ซาวิช ก็เหมือนกับ ป็อกบา ที่ถนัดกับการเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ไม่ใช่การรับหน้าที่เป็นกองกลางตัวรุก ขนาดฤดูกาลที่เขาทำประตูได้มากที่สุดตลอดอาชีพการเล่นยังเป็นเพียงการทำไป 14 ประตู จากการลงเล่น 48 นัดของทุกรายการเลย โดยเกิดขึ้นตอนที่เขาเล่นให้ ลาซิโอ ในซีซั่น 2017-18

ครั้นจะหันไปใช้งานตัวเลือกในตำแหน่งกองกลางตัวรุกที่มีอยู่อย่าง มาต้า, เปเรยร่า หรือ โกเมส มันก็ยังไม่ชัวร์ว่าจะมีใครระเบิดฟอร์มโหดในฤดูกาล 2019-20 ได้รึเปล่า ถึงแม้ทั้ง เปเรยร่า กับ โกเมส จะเรียกคำชมตอนอุ่นเครื่องที่สหรัฐอเมริกาได้บ้าง แต่ถ้ายอมรับกันตามตรงก็ต้องบอกว่ามันยังห่างไกลจากคำว่า “ยอดเยี่ยม” พอสมควร

สรุปคือถ้าเกิด แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เซ็นสัญญากับ แฟร์นันด์ส ในช่วงซัมเมอร์นี้จริงๆ มันดูจะเป็นทางเลือกที่เสี่ยงพอตัว และแนวโน้มที่จะเป็นผลเสียมันก็ดันมีมากกว่าผลดีเยอะในระดับหนึ่งซะด้วย

Please follow and like us: