เมสัน กรีดวู้ด แสดงให้เห็นแล้วว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมคิดไม่ผิดที่เลือกเขาลงเล่นตัวจริง เพราะเล่นได้ดี และยังยิงประตูโทนช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ อัสตานา 1-0 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มแอล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา
หัวหอกวัย 17 ปี ตะบันประตูสำคัญในนาทีที่ 73 ช่วยปลดล็อดทีมได้สำเร็จ หลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมได้ตลอด และมีโอกาสมากมายที่จะยิงประตู แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จ ที่สำคัญแมตช์นี้ โซลชา ใจกล้ามากๆ เพราะทีมชุดนี้มีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ประมาณ 24 ปีกับ 145 วันเท่านั้น
นอกจาก กรีนวู้ด ที่โชว์ของแล้ว ยังมี อักเซล ทวนเซเบ้, ทาฮิธ ชอง และ แองเจล โกเมส ซึ่งได้โอกาสลงเล่นตัวจริง โชว์ฟอร์มได้สมกับความไว้วางใจที่ โซลชา ให้โอกาส โดยเฉพาะการช่วยกันเล่นเกมรุกที่บดขยี้ผู้มาเยือนจาก คาซัคสถาน ได้อยู่หมัด แม้อาจจะไม่ค่อยหลากหลาย แต่ก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับวัยที่ยังหนุ่มยังแน่น และประสบการณ์ไม่เยอะ
1. กรีนวู้ด โชว์ของฉลองว่าที่สตาร์คนใหม่
อาจจะมีข้อสงสัยกันอยู่บ้างสำหรับสาวก “เร้ด อาร์มี่” ว่า เมสัน กรีดวู้ด กองหน้าดาวรุ่งจะแจ้งเกิดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้หรือเปล่า แต่สำหรับวันนี้ ดาวเตะวัย 17 ปี แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์คนสำคัญของทัพ “ปีศาจแดง” ในอนาคต
ก่อนหน้านี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตัว กรีนวู้ด ว่าเป็นหนึ่งในจอมจบสกอร์ชั้นยอดเท่าที่เขาเคยเห็นมา และในที่สุดสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วจากหลักฐานที่เจ้าตัวตะบันตาข่ายให้กับต้นสังกัดเป็นลูกแรกในการเล่นกับทีมชุดใหญ่ แถมตะบันด้วยเท้าขวาข้างที่ไม่ถนัดซะด้วย
ฉะนั้นน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่ “กุนซือเบบี้เฟซ” จะให้โอกาสเขาได้สัมผัสเกมของแมนฯ ยูไนเต็ด มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะสิ่งที่ กรีนวู้ด แสดงให้เห็นถึงคุณภาพสุดพิเศษของเขาในเกมฟุตบอลถ้วยใบเล็กยุโรปก็คือสัญชาตญาตในการทำประตูนั่นเอง
จากคำพูดยอดฮิตที่บอกว่า “ถ้าคุณเก่งพอคุณก็แก่พอ” นั่นคือสิ่งที่ โซลชา กำลังจะทำกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ เมื่อเขาพร้อมส่งนักเตะประสบการณ์น้อยแต่ฝีเท้าร้อยล้านลงสนาม เพราะผลงานของ กรีดวู้ด พิสูจน์แล้วว่าบรรดา “ลูกกรอก” ทั้งหลายพร้อมคึกคะนองเต็มที่แล้ว ดังนั้นผลงานของ กรีนวู้ด ก็ถือเป็นการตอกย้ำเหตุผลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะยื่นข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้กับนักเตะในวันเกิดอายุครบ 18 ปีวันที่ 1 ตุลาคมนี้
2. แรชฟอร์ด ยิงนกตกปลา
ตอนนี้มีการโต้เถียงกันยกใหญ่ว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด มีสัญชาตญาณการจบสกอร์หรือไม่ หลังจากที่ ไมเคิ่ล โอเว่น อดีตหัวหอก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตั้งคำถามเอาไว้ เพราะเขามองว่า “แรชชี่” เป็นนักเตะที่มีโอกาสหลายครั้ง แต่มักจะยิงนกตกปลา
ฟอร์มของ แรชฟอร์ด ทำให้หลายคนเชื่อว่าคงเป็นไปได้ยากที่เขาจะยิง 20-25 ประตูต่อฤดูกาล และเรื่องนี้ยิ่งถูกตอกย้ำชัดเจนจากจังหวะที่ สตาร์ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ พลาดโอกาสงามๆ ไปถึง 2 ครั้ง ในช่วง 20 นาทีแรกแมตช์รับการมาเยือนของ อัสตานา ทีมสมันน้อยจากคาซัคสถาน
เกมนี้ โซลชา จับ แรชฟอร์ด เล่นหน้าเป้าช่วงครึ่งแรก แน่นอนว่าความเร็วและความคล่องตัวของเขาคงจะเป็นอาวุธหนักให้กับทีมได้ แต่น่าเสียดายที่ 2 จังหวะจ่อๆ หน้าประตูที่เจ้าตัวมีโอกาสเบิกสกอร์ให้ทีมโดนปฏิเสธจาก เนนัด เอริช นายทวารผู้มาเยือน
ลองคิดดูว่าจากโอกาสที่สร้างขึ้นมาหาก แมนฯ ยูไนเต็ด มีจอมเพชฌฆาตอย่าง เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่, แฮร์รี่ เคน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บางที อัสตานา คงจะโดนตะบันตาข่ายจนหาทางกลับบ้านไม่เจอแน่นอน
3. โกเมส โชว์ลีลาจอมปั้น
ต้องยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเจอกับเรื่องที่สุดแสนยากลำบากในการหาผู้เล่นจอมสร้างสรรค์เกมตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขากำลังจะได้นักเตะจอมครีเอท เพราะผลงาน แองเจล โกเมส สุดบรรเจิดในแมตช์นี้
ดาวเตะวัย 19 ปี เกิดในกรุงลอนดอน แถมยังเป็นลูกชายของ กิล โกเมส อดีตแข้งทีมชาติโปรตุเกส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และยังมี นานี่ ตำนาน “ปีศาจแดง” เป็นพ่อทูนหัวซะด้วย โชว์ฟอร์มโดดเด่นเป็นสง่า และสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมในฐานะผู้เล่นหมายเลข 10 (เพลย์เมกเกอร์) ตลอด 67 นาทีก่อนที่ ฆวน มาต้า จะถูกเปลี่ยนเข้ามาแทน
ผลงานของ โกเมส แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักเตะที่อันตรายสุดๆ เมื่อเล่นอยู่หลัง แรชฟอร์ด ในช่วงครึ่งแรก แม้ว่าเจ้าตัวจะสูงแค่ 168 เซนติเมตร แต่เป็นผู้เล่นที่มีจุดศูนย์ถ่วงดีเยี่ยม และเต็มไปด้วยทักษะ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาสามารถเรียกฟาวล์ให้กับทีมบริเวณกรอบเขตโทษ อัสตานา ได้หลายต่อหลายครั้ง
อย่างไรก็ตามหาก โกเมส ต้องเจอกับการเล่นที่สุดหฤโหดจากบรรดาคู่แข่งในเกมพรีเมียร์ลีก แน่นอนว่าอาจจะมีหลายคนตั้งคำถามว่าเขาจะทำได้เหมือนกับการเจอสมันน้อยจากคาซัคสถานหรือเปล่า
4. โจนส์ ทำได้ดีเมื่อได้รับโอกาส
การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าตัว แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ (ราว 3,040 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติกองหลังแพงที่สุดในโลก ส่งผลให้ ฟิล โจนส์ ต้องกลายเป็นยางอะไหล่ไปโดยปริยาย และคงยากที่เขาจะสอดแทรกเข้ามาอยู่ในแผงแบ็กโฟร์ตัวจริงของทีมชุดใหญ่
หากจำกันได้ครั้งหนึ่ง โจนส์ เคยสร้างความฮือฮาหลังจากที่ลงเล่นเปิดตัวให้กับ “ปีศาจแดง” ในฐานะนักเตะดาวรุ่ง แต่น่าเสียดายที่พัฒนาการของเขาต้องหยุดชะงัดไปเพราะโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน และเวลาที่ได้รับโอกาสลงสนามก็มักจะทำผิดพลาดบ่อยๆ
แน่นอนว่า โซลชา เลือก แม็กไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ปราการหลังทีมชาติสวีเดน เป็นคู่หูเซนเตอร์แบ็กตัวจริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่ โจนส์ ซึ่งปัจจุบันอายุแค่ 27 ปีเท่านั้น ไม่ค่อยได้มีบทบาทในการเล่นของทีมมากนักในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในเกมฟุตบอลถ้วยเล็กยุโรป อดีตดาวเตะแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของเขาเมื่อช่วยคุมเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น แต่กระนั้นก็อาจเป็นไปได้ที่เขาไม่ค่อยได้ทำงานหนักเพราะเกมรุกของ อัสตานา แทบไม่มีอะไรเลย แม้จะมีบางจังหวะที่สวนกลับเข้ามาป่วน “ผีแดง” แต่ โจนส์ ก็ยังนิ่งพอที่จะจัดการได้อยู่หมัด
5. ความกล้าของ โซลชา
ปรัชญาของ โซลชา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาพร้อมให้โอกาสนักเตะทุกคน โดยเฉพาะดาวรุ่ง สำหรับเกมยูโรปา ลีก แม้ว่าจะเป็นถ้วยใบเล็กยุโรป แต่ก็ถือว่าเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับทวีปที่สำคัญ กระนั้น “น้าลูกอม” ยังกล้าใช้งานเด็กปั้นสโมสรเกือบครึ่งทีม
นอกจากชื่อของ แรชฟอร์ด ที่เป็นขาประจำทีมชุดใหญ่แล้ว (อายุแค่ 21 ปี) โซลชา ใด้โอกาส อักเซล ทวนเซเบ้, ทาฮิธ ชอง, แองเจล โกเมส และ เมสัน กรีนวู้ด ขณะเดียวกันยังส่งดาวรุ่งอย่าง ดีเอโก้ ดาโลต์ และบรรดาผู้เล่นที่ไม่ค่อยได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ได้โชว์ของในแมตช์นี้
หลายคนอาจจะบอกว่าการพบกับ อัสตานา ไม่ใช่งานหนักหนาสาหัสอะไรนัก แต่การที่ กุนซือซูเปอร์ซับ กล้าส่งบรรดาผู้เล่นที่อายุยี่สิบต้นๆ ลงเล่น ถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กเหล่านี้ และที่สำคัญพวกเขายังโชว์ฟอร์มได้ดี สามารถไล่กดดันทีมเยือนที่มีนักเตะเก๋าๆ หลายคน
แน่นอนว่า โซลชา อาจจะยังไม่ให้พวกเขาลงเล่นตัวจริงในเกมระดับพรีเมียร์ลีก แต่การได้สั่งสมประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง คือการช่วยให้นักเตะเหล่านี้ได้พัฒนาฝีเท้า แถมพวกที่ไม่ค่อยได้โอกาสกับทีมชุดใหญ่ก็ได้เรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง ฉะนั้นสิ่งที่ โซลชา ทำถือเป็นเรื่องในด้านบวกอย่างแท้จริง
